วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความหมายของสารสนเทศ
สารสนเทศหมายความว่าข่าวสารที่สำคัญเป็นระบบข่าวสารสารสนเทศตรงกับคำใดภาษาอังกฤษว่า Entormtioหมายถึงความรู้ที่ได้จากการค้นคว้าสารสนเทศเป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้และปฎิบัติ

สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลทั้งด้านปริมาณและด้านคุณภาพที่ประมวลวัดหมวดหมู่เปรียบเทียบและวิเคราะห์แล้วสามารถ นำมาได้หรือนำมาประกอบพิจารณาได้สะดวกว่าและง่ายกว่า

เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที (it)เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในข้อมูลการประมวลผลและการแสดงผลสารสนเทศ

องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วนคือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เทคโนโลยี
คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นนเทคโนโลยีย่อยสำคัญได้ 2ส่วนคือ ฮาร์ดแวร์  และ ซอฟต์แวร์

เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ คือ อุปกรณ์ทุกชนิดที่ีประกอบขั้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงเพื่อเชื่อมโยงจำแนกตาบหน้าที่การทำงานออกเป็น 4ส่วน คือ

1 หน่วยรับข้อมูล
2 หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู
3 หน่วยแสดงผลข้อมูล
4 หน่วยความจำสำรอง

เทคโนโลยีซอฟแวร์
หมายถึงโปรแกรมหรือกดศาสตร์ที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่ง 2 ประเภท
1.ซอฟแวร์ระบบ
หรือชุดคำสั่งที่ทำให้หน้าที่ทำงาน
2.ซอฟแวร์ประยุกต์ คือ
ชุดคำสั่งที่ผู้ใช้ส่งเขาสู่เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน

ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
-แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 4 (25202-2524) การที่ส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา
-มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฎิบัติการระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้น
-ในแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติก็ได้มีการเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษามากขึ้น
๑.มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทคเพื่อจักการศึกษา
  แผนพัฒนาข้างต้นทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียมกันทั้งถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่องส่งเสริมการเรียนรู้ โดยการประยุกต์ใช้เทดโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า

การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ยุคที่ ๑ ประมวลผลข้อมูล วัตถุประสงค์เพื่อคำนวณและประมวลผล
ยุคที่ ๒ ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ มีการใช้คอมพิวเตอร์
ยุคที่ ๓ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์
ยุคที่ ๔ ยุคปัจจุบัน หรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ (เป็นที่บริการ)

ประโยชน์ของเทศโนโลยี
๑ ให้ความรู้ ทำให้เกิดความคิดความเข้าใจ
๒ ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน
๓ ใช้ประกอบการตัดสินใจ
๔ ใช้ควบคุมสถานการณ์หรือเหตุการที่เกิดขึ้น
๕ การบริการงานมีระบบ

รูปแบบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน แบ่งได้ ๖ รูปแบบ
๑ เทคโนโลยีการเก็บข้อมูล เช่น ดางเทียม กล้อง วีดีทัศน์
๒ เทคโนโลมีที่ใช้การบันทึกข้อมูล เป็นที่บันทึกต่างๆ เช่น แม่เหล็ก  จานแม่เหล็ก  จานแสง  หรือ วานเลเชอร์

ATM Automatic Teller Machine
๓ เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ทั้งฮารด์แวร์ และซอฟต์แวร์
๔ เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล
๕ เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร
๖ เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่ ระบบโทรคมนาคม เช่น โทรทัศน์

การใช้อินเตอร์เน็ต ของนักศึกษาระบดับอุดมศึกษา นศ. ส่วนใหญ่เพื่อความบันเทิง เนื่องจากมีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเตอร์เน็ตของ นศ. ส่วนหาความรู้

การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
  การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อการค้นหา หรือดึงข้อมูลและสารสนเทศเฉพาะเรื่องที่ผู้ใช้ระบุ แหล่รวบรวมสารสนเทศ ไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อประโยชน์ด้านต่างๆ เช่นการศึกษา เป็นต้น

วัตถุประสงค์ในการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ
๑ เพื่อทราบถึงรายละเอียดของข้อมูล
๒ เพื่อเพิมประสิทธิภาพในการศึกษาหรือการทำงาน
๓ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับตนเองและผู้อื่น
๔ เพื่อตรวจสอบข้อมูล

Search Enging หมายถึงโปรแกรมที่ออกแบบมาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ค้นข้อมูลบนเว็บไซต์ต่างๆ
แบ่งออกได้ ๓ ประเภท
๑ อินเด็กเซอร์
๒ ไดเร็กทอรี่
๓ เมตะเสิรซ์

เทคนิคการสืบค้นข้อมูล
๑ บีบประเดินให้แคบลง
๒ การใช้คำที่ใกล้เคียง
๓ การใช้คำหลัก Keyword
๔ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลข
๕ ใช้เครื่องหมายพวกและลบ
๖ หลีกเลี่ยงภาษาพูด
๗ ใช้ Advanced Search

การสืบค้นโดยใช้ตรรกบูลีน Boolean Word Search
การใช้ตรรกบูลีนเป็นการสืบค้นโดยใช้ตัวเชื่อม ดังนี้

AND เป็นการเชื่อมคำเพื่อกำจัดการสืบค้นให้แคบลงเช่น Labor and amerrican  ได้เช่นเดียวกัน
OR  เป็นการเชื่อมคำเพื่อขยายค้นไปยังคำอื่นๆ ที่กำหนดหรือต้องการผลการค้นจากคำทั้ง ๒

ลำดับการค้นที่มีการใช้คำเชื่อม Booleam operators
๑ ระบบค้นคำที่อยู่ในวงเล็บก่อน
๒ จากนั้นจึงดำเนินการค้นหาคำทุกคำที่อยู่แล้ว NOT
๓ ลำดับ AND ก่อน รวมถึงคำที่อยู่ใกล้กันแต่ไม่มี AND เชื่อมด้วย
๔ อยู่ระหว่าง OR ทั้งหมด


ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์
ฮาดร์แวร์ หมายถึง ส่วนประกอบที่ของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ 5 ส่วนคือ
1. หน่วยรับข้อมูลเข้า Input Unit
-แป้นอักขระ  Keyboard
-แผ่นซีดี  CD-Rom
-ไมโครโพน Mierophone เป็นต้น
2. หน่วยประมวลผลกลาง CPU (Central Processing Unit)
     ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวนที่ทำทางตรรกะและคณิตศาสตร์
รวมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ
3. หน่วยความจำ Memory Unit
    ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งมาจากหน่วยรับข้อมูล
เพื่อเตรียมส่งไปประมวลผลว่าหน่วยประมวลผลกลางและเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล
แล้วเตรียมส่งไปย้ายหน่วยแสดงผล
4. หน่วยแสดงผล Output Unit
         ทำหน้าที่แสดงข้อมูลที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการประมวลผล หรือผ่านการคำนวลแล้ว
5. อุปกรณต่อฟังก์ชั่น Peripheral Equipment
     เป็นอุปปกรณ์ที่นำมาต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์
เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้นเช่น โมเดิม (Modem)
แผงวงจรเชื่อมต่อกับเครือข่าย

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
1. มีความเร็วในการทำงาน
2. มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง
3. มีความถูกต้องแม่นยำ
4. เก็บข้อมูลได้มาก
5. สามารถโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องหนึ่งไปยังอีก้ครื่องหนึ่งได้

ระบบคอมพิวเตอร์
  ระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆ กับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบ
ที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช่งานให้มากที่สุด เช่น ระบบเสียภาษี
ระบบทะเบียนราษฎร์

องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
1. ฮาร์ดแวร์
2. ซอฟแวร์
3. ข้อมูล
4. บุคคลากร

ฮาร์ดแวร์  ส่วนที่สำคับ  4 ส่วน
1. ส่วนประมวลผล
2. ส่วนความจำ
3. อุปกรณ์รับเข้า/ส่งออก
4. อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล

CPU ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
แปลข้อมูลดิบ และนำกับมาใช่ได้ประโยชน์
1 GHz จิกะเฮิร์ดซ์

ส่วนที่ 2   หน่วยความจำ  Memory
จำแนกออกเป็น 3 ประเภท
1. หน่วยความจำหลัก
2. หน่วยความจำลอง
3. หน่วยเก็บข้อมูล

1. หน่วยความจำหลัก  แบ่งได้ 2
1.1 หน่วยความจำแบบ "แรม"
     RAM = Random Access Memory
  ต้องการไฟฟ้าในการจัดเจ็บข้อมูลจนกว่าเราจะเปิดเครื่อง
1.2 หน่วยความจำแบบ "รอบ"
     ROM = Read only Memory
เป็นหน่วยความจำแบบที่ไม่ลบเลือน

2. หน่วยความจำสำรอง
  มีไว้สำหลับสำรอง เช่น Herd Disk   CD-Rom   Floppy Disk
หน่วยความจำสำรองเป็นหน่วยเก็บสามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดหลังจากปิดเครื่อง
หน่วยความจำสำรองมีหน้าที่
1. ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต
2. ใช้เก็บาข้อมูลอย่างถาวร
3.ใช้เป็นสื่อส่งผ่านข้อมูล

ประโยชน์ของหน่วยความจำสำรอง
หน่วยความจำจะแก้ปัญหาการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้ามาประมวลผลเมื่อเรียบร้อยแล้วความจำหลักประเภทแรมหากปิดเครื่องหรือมีปัญหาทางไฟฟ้าหน่วยความจำสำรองแบบแฟลช หน่วยความจำรองนี้ถึงจะไม่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์แต่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ปกติ

ส่วนแสดงผลข้อมูล
ส่วนแสดงผลข้อมูล คือส่วนที่แสดงข้อมูลจากสัญญาณไฟฟ้าในหน่วยประมวลผลกลางรูปแบบสามารถเข้าใจด้ อุปกรณาที่แสดงผลข้อมูลได้แก่  จอภาพ เครื่องพิมพ์  ลำโพง

บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
บุคลากรทางคอมเตอร์ หมายถึง คนที่มีความรู้สามารถในการใช้หรือควบคุมให้เป็นอย่างราบรื่น

ประเภทบุคลากรทางคอมพิวเตอร์
1. ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน
2.ฝ่ายเกี่ยวกับโปรแกรม
3. ฝ่ายปฎิบัติงานเครื่องและบริการ

บุคลากรในหน่วยงานคอมพิวเตอร์
1. หัวหน้างานคอมพิวเตอร์
2.หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์วางแผนระบบ
3.โปรแกรมเมอร์
4.ผู้ควบคุมระบบคอมพิวเตอร์
5.พนักงานจัดเตรียมข้อมูล
- นักวิเคราะห์ระบบงาน
ทำการศึกษาระบบเดิม
-โปรแกรมเมอร์
นำงานระบบงานใหม่ที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบไว้มาสร้างเป็นโปรแกรม
-วิศวกรระบบ
ทำหน้าที่ออกแบบ สร้าง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษา
-พนักงานปฎิบัติการ
ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบดูแลรักษา

2.ตัวแปรภาษา
การพัฒนาซอฟแวร์ต้องอาศัยกสรแปลภาษาระดับสูงให้เป้นภาษาเครื่อง
ภาษาระดับสูงมีหลายภาษาซึ่งสามารถสร้างขึ้นให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดดำคำสั่งเข้าใจง่ายและเพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟแวร์ในภายหลังได้

ซอฟต์แวร์ประยุกต์
2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์
ที่ใช้ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์เพื่อนใช้ทำงานเฉพาะด้านเช่นการจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนอรายงาน การจัดการบัญชี  การตกแต่งภาพ การออกแบบเว็บไซต์ ป็นต้น
                                          
ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์
แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้เองโดยเฉพาะ
2.ซอฟต์แวร์ที่หาซื้อได้ทั่ว(package)ไปมีโรแกรมเฉพาะ(customized package )และ โปรแกรมมาตฐาน (standard package)

ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์
แบ่งตามกลุ่มการาใช้งาน จำแนกได้ 3 กลลุ่มใหญ่
1. กล่มการใช้งานด้านธุรกิจ
2.กล่มการใช้งานด้านกราฟฟิกและมัลติมีเดีย
3.กล่มการใช้งานด้านใช้งานบนเว็บ

กล่มการใช้งานด้านธุรกิจ
ซอฟต์แวร์กลุ่มนี้ ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำงานมีประสิทธิภาพมาขึ้น เช่นการจัดพิมพ์รายงานเอกสาร และการบันทึกนัดหมายต่างๆ
ตัวอย่าง เช่น โปรแกรมประมวลผปล อาทิ microsoft word; sun
โปรแกรมตกแต่งภาพ อาทิ coreldraw
โปรแกรมตัดต่อ วีดีโอและเสียง อาทิ adode premiere,pinnacle studio dv
โปรแกรมสร้างสื่อมัติมิเดีย อาทิ Adode authorware,
โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ adode flash,adode  Dreamweaver

กล่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่อสื่อสาร
เมื่อเกิดการเติบโตของเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตซอฟแวร์กล่มนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะเพิ่มมากขึ้น เช่น โปรแกรมการตรวจเช็คอีเมลการท่องเว็บไซต์การจัดการดูแลเว็บ
โปรแกรมส่งข้อความด่วน
โปรแกรมสนทนาบนอินเทอร์เน็ต

ความจำเป็นของการใช้ซอฟแวร์
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร

ซอฟแวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงานมนุษย์จะต้องบอกขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ทราบคอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันแล้ว

ภาษาเเอสเซมบลี
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 2 ถัดจากภาษาเครื่องภาษาแอสเซมบลีช่วยการเขียนโปรแกรมที่มันยุ่งยากในการเขียนคอมพิวเตอร์
แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบรีก็ยังมีความใกล้เคียงภาษา

ภาษาระดับสูง
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุกที่ 3 เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียกว่า statements  ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้ที่เขียนโปรแกรมสามารถเข้าใจชุดคำสั่งให้คอม พิวเตอร์ ทำงานง่ายขึ้น ผู้คนทั่วไปสามารถเรียนรู้และ เขียยนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น
คอมไพเลอร์ และ อินเอร์พรีเตอร์

คอมไพเลอร์ จะทำหการแปลโปรแกรมที่มีเขียนเป็นภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้ป็นภาษาเครื่องก่อนแล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานเครื่องก่อน

อินเอร์พรีเตอร์
 จะทำหน้าที่การ้เปลี่ยนแปลงทีละคำสั่งแล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่ง

องค์ประกอบของเครือข่าย

ฮาร์ดแวร์

คอมพิวเตอร์
เซอร์
ฮับ
บริด
เราท์เตอร์
เกตเวย์
โมเดม
เน็ตเวอร์การ์ด

ซอฟต์แวร์
โปรปกรมประยุกต์
โปรแกรมปฏิบัติการ

ตัวนำข้อมูล
สายโคแกเซียล
สายคู่บิดเกลียวหุ้มฉงวน

เครื่อข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
การทำงานของระบบ network และ Internet

โครงสร้างของเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
1. เคนรื่อข่ายเฉพราะที่
เป็นเครื่อข่ายที่มักพบเห็นกันในองค์กรโดยเฉพราะองค์กรใหญ่
2. เครื่อข่ายเมือง
ป็นกลุ่มเครื่อข่ายมี่นำมาเชื่อมต่กัน
3.เครื่อข่ายบริเวณกว้าง
เป็นเครื่อข่ายใหญ่ขึ้นเป็นอีกระดับหนึ่งโดยเป็นการร่วมเครื่อข่ายทั้ง lan และ man มาเชื่อมกันเป็นเครื่อข่ายเดียวกัน

การทำงานของระบบ  networkและ Internet
รูปแบบโครงสร้างของเครื่อข่าย
การจัดระบบการทำงานของเครื่อข่ายมีรูปแบบโครงสร้างของเครื่อข่าย อันเป็นการจัดวางคอมพิวเตอร์และการเดินสายสัญญาณอันคอมาพิวเตอร์ในเครื่อข่าย


ลักษณะการทำงานของเครื่อข่ายแบบดาว
เป็นการเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารที่มีลักษณะคล้ายรูปดาวหลายแฉกโดยมีสถานีกลางหรือฮับจุดติดต่อกัน

3. เครื่อข่ายแบบบัส เป็นเครื่อข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆด้วยสายเคโดยจะมีอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ลในการส่งข้อมูล

4. แบบต้นไม้ เป็นเครื่อจ่ายที่ทีการผสมผสานโครงสร้าง

การประยุกต์ใช้งานของระบบเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
รูปแบบการใช้งานของระบบเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครื่อข่ายแบ่งตามลักษณะการทำงานได้เป็น 3ประเภท
1. ระบบข่ายแบบร่วมศูนย์กลาง
 2. ระบบเครื่อข่าย
3. ระบบเครือข่ายแบบ
ระบบ client/serverสามารถสนับสนุนให้มีเครื่องลูกข่ายได้เป็นจำนวนมากและสามารถเชื่อม่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ให้หลายสถานี






วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555